เทคนิคเพิ่มผลผลิตหอมแดง ด้วยเอ็นไซม์นาโน v4
เกษตรกรหลายท่านเชื่อว่าหากจะทำการเกษตรให้ได้ผลผลิตที่ดีและได้ปริมาณมากๆ นั้น จำเป็นจะต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าหากใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวจนเกินความจำเป็นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็จะส่งผลเสียต่อทั้งสภาพดินและพืชด้วย ปัจจุบัน เกษตรกรหัวก้าวหน้าหลายท่านเริ่มหันมาใช้วิธีทางชีวภาพในการเกษตรมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นผลดีที่จะตามมาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพของเกษตรกรเอง เป็นการอนุรักษ์สภาพดิน และสิ่งแวดล้อมไปด้วย เช่นเดียวกับคุณประภาภรณ์ แพงผล เกษตรกรอีกผู้หนึ่งที่เริ่มหันมาใช้สารชีวภาพในการเกษตร และใช้ปุ๋ยเคมีเป็นเพียงตัวเสริมเท่านั้น
คุณประภาภรณ์ เผยกับทีมงานMr.Hon nanoว่า ตนเองยึดอาชีพเกษตรกรมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ปลูกอ้อย แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวในฤดูฝนมักจะมีน้ำท่วม จึงต้องเลิกปลูกอ้อยไปโดยปริยาย แล้วหันมาปลูกผักแทนซึ่งมีวงรอบในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว โดยปลูกผักชนิดต่างๆ หมุนเวียนกันไปในพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ อาทิ หน่อไม้ฝรั่ง หอมแดง ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง เป็นต้น เพื่อลดปัญหาเรื่องการเกิดโรคพืชที่สะสมในดิน และในรอบก็เวียนมาถึงช่วงของการปลูกหอมแดงพอดี
คุณประภาภรณ์ กล่าวถึงขั้นวิธีการปลูกหอมแดงให้ทีมงานฟังเป็นขั้นตอน ดังนี้
การเตรียมดิน เริ่มจากไถด้วยผาล 3 ตามด้วยผาล 7 แล้วตากดินไว้ประมาณ 1 เดือน จากนั้นไถชักร่องให้มีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ยาวประมาณ 52 เมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วใส่เอ็นไซม์อัดเม็ดรองพื้น และเอ็นไซม์ผงนาโนที่มีคุณสมบัติช่วยให้ดินร่วนซุย ให้ความชื้นประมาณ 60% ด้วยน้ำ
เมื่อใส่เอ็นไซม์อัดเม็ดนาโน v4รองพื้นไปแล้ว ต้องไถพรวนดินให้ละเอียด หลังจากนั้นวางระบบน้ำให้เรียบร้อย โดยที่รัศมีของการให้น้ำต้องทั่วถึงพืชทั้งหมด ที่แปลงของคุณประภาพรเลือกใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ เนื่องจากสะดวกในการใช้งานและสามารถถอดเคลื่อนย้ายได้
ก่อนที่จะนำหอมแดงลงปลูก ต้องรดน้ำในแปลงพอชุ่มเสียก่อน ในขั้นตอนนี้จะผสมสารป้องกันและกำจัดเชื้อรา วีโฟร์ ซึ่งเป็นสารชีวภาพ ที่ช่วยยับยั้งเชื้อรา ราน้ำค้าง รากเน่า โคนเน่า ฯลฯ ในอัตราส่วน 20-25 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร แล้วนำหอมแดงลงปลูกในแปลงได้ทันทีหรือที่เรียกว่า “ดำหอม” โดยกดลงไปในดินประมาณครึ่งหัว แล้วนำฟางมาคลุมแปลงไว้เพื่อรักษาความชื้น ซึ่งใน 1 แปลงจะใช้พันธุ์หอมประมาณ 8 กิโลกรัม หลังจากนั้น 1 วันก็จะฉีดพ่นสารกำจัดและควบคุมวัชพืชอินทรีย์ ซึ่งเป็นสารชีวภาพอีกเช่นกัน
สำหรับหอมแดงที่สามารถนำมาดำได้นั้น จะต้องมีอายุหลังการเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 2 เดือนครึ่ง ถ้าหากยังไม่ถึงเวลาที่กำหนดเมื่อนำไปดำจะทำให้หอมไม่งอกเพราะถือว่ายังไม่แก่เต็มที่ แต่ก็ไม่ควรเก็บไว้เกิน 5 เดือน เพราะพันธุ์หอมจะลีบเล็กและไม่มีคุณภาพ
การให้น้ำ จะให้วันละครั้ง ถ้าหากฤดูหนาวจะให้น้ำในช่วงเวลาประมาณ 09.00-10.00น. เพื่อเป็นการไล่เพลี้ยไฟ ส่วนฤดูฝน หลังจากที่ฝนตกจะต้องให้น้ำเพื่อชำระล้างสารเคมีที่ปนเปื้อนมาในอากาศ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่รายล้อม
การให้ปุ๋ย เมื่อดำหอมไปแล้ว 1 เดือน จะใส่เอ็นไซม์อัดเม็ดนาโน v4เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ในปริมาณ 5 กิโลกรัม/ 1 งาน
นอกจากนี้ เธอยังใช้สารสกัดจากชีวภาพที่มีส่วนผสมของเอ็นไซน์นาโนฉีดพ่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ อาหารพืชชีวภาพ เอ็นไซน์นาโน วีโฟร์ อัตรส่วน 5 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร สารป้องกันและไล่แมลง นาโน วีโฟร์ อัตราส่วน 20 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร และเอ็นไซม์ผงนาโน วีโฟร์ อัตรส่วน 3 ช้อนโต๊ะ/น้ำ 20 ลิตร โดยจะฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน เพื่อบำรุงต้นพืช ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช ส่วนสารป้องกันและกำจัดเชื้อรา วีโฟร์ จะฉีดพ่นทุกๆ 10 วัน เพียงแค่ 3-4 ครั้งก็สามารถยับยั้งไม่ให้เกิดเชื้อราได้แล้ว
หลังจากที่ฉีดพ่นสารสกัดจากชีวภาพไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตได้ดีก็คือ หอมแดงจะมีดอกให้เห็น โดยปกติแล้วหอมแดงจะมีดอกในช่วงฤดูหนาว ราวๆ เดือนพฤศจิกายน-มกราคมเท่านั้น ซึ่งการที่หอมแดงมีดอกแสดงให้เห็นว่าต้นพืชได้รับธาตุอาหารที่อุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อติดดอกต้องรีบเก็บออก เนื่องจากธาตุอาหารจะถูกนำไปหล่อเลี้ยงดอกหมด ทำให้หัวของหอมแดงลีบได้
“เราจะทดลองโดยการแบ่งแปลงปลูกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งฉีดพ่นสารสกัดจากชีวภาพของวีโฟร์ อีกส่วนหนึ่งให้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว ปรากฏว่าแปลงที่ฉีดพ่นสารสกัดชีวภาพใบแข็ง สีเขียวเข้ม ต้นใหญ่ แตกกอได้ดี และมีดอกให้เห็น ส่วนแปลงที่ไม่ได้ฉีดใบจะนิ่ม สีไม่เขียวเข้ม ซึ่งในสัปดาห์แรกยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่จะเห็นผลในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ไปแล้ว”
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
หอมแดงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อปลูกไปแล้ว 2 เดือน ใน 1 ร่องจะเก็บผลผลิตได้ 100 กิโลกรัม
เมื่อเก็บผลผลิตจากแปลงแล้วต้องนำไปผึ่งแดดประมาณวันครึ่ง เพื่อไล่ความชื้น จากนั้นให้นำมาผึ่งบนดินในที่ร่มประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถ้าหากใช้พลาสติกรองจะทำให้หอมแดงเน่าได้ แล้วจึงนำไปจำหน่ายได้
ด้านราคาซื้อขายในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 70-80 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ดีพอสมควร ส่วนราคาต่ำสุดอยู่ที่ 20-25 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจะเป็นช่วงตรุษจีน เพราะหอมแดงทางแถบภาคเหนือจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาต่ำลง
ปัญหาที่พบในการปลูกหอมแดง ได้แก่ โรคและแมลงศัตรูพืชรบกวน ที่พบมากก็จะเป็นหนอนกินใบ ที่เช้าไปกินถึงในหลอดหอม รวมทั้งเชื้อรา ราดำ และเพลี้ยไฟ สามารถป้องกันได้โดยฉีดพ่นสารชีวภาพนาโนวีโฟร์ดังที่กล่าวไปแล้ว นอกจากนี้ พื้นที่ทำการเกษตรของเธอมีสภาพเป็นดินเหนียว ทำให้มีปัญหาเรื่องดินแน่นในฤดูฝน ส่งผลให้หอมแดงขยายหัวได้ลำบาก ก็จะแก้ไขโดยใช้สารปรับสภาพดิน จะช่วยให้ดินร่วนซุยยิ่งขึ้น
“จากที่ใช้สารสกัดจากชีวภาพแล้ว พบว่าสภาพดินและการเจริญเติบโตของพืชดีกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี 100% อย่างเห็นได้ชัด และประหยัดต้นทุนในการผลิต ปัจจุบันสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้กว่า 50% ในอนาคตคาดว่าจะเลิกใช้เคมี แล้วมาใช้ชีวภาพ 100% ซึ่งปลอดภัยต่อสุขภาพเราและผู้บริโภคอีกด้วย” คุณประภาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
เกษตรกรท่านใดอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ Mr.Honnano โทร 081-182-2463 http://www.nano.myreadyweb.com
สอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์นาโนวีโฟร์ได้ที่ บริษัท นาโนอินเตอร์กรุ๊ป จำกัด โทร. 081-182-2463